DIY เช็ค+เติมน้ำยาแอร์รถยนต์เอง มาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง สำหรับเคสนี้เป็นรถ โตโยต้าวิช (Toyota wish 2.0 Q Limited AT LPG) อาการ คือ ความเย็นของแอร์จะค่อยๆ ลดลง ใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนได้ จนมีแต่ลมออกมา ไม่มีความเย็น เมื่อเติมน้ำยาใหม่ ผ่านระยะเวลาดังกล่าว ก็จะเป็นเหมือนเดิมอีก อาการนี้สันนิษฐานหลักๆ ได้หลายสาเหตุ ดังนี้
-
คอมแอร์ / คอมเพรสเซอร์ : ซีล โอริง ลูกปืน น้ำมันคอมเสื่อม เสียงดัง คอมร้อนหน้าคลัชห่าง ไม่จับ ไม่ทำงาน
-
สายท่อแอร์ : เป็นท่อแอร์แรงดันสูงต่อเข้าคอมแอร์ จุดนี้ส่วนใหญ่ซึม/รั่ว สาเหตุหลักมาจากการสั่นสะเทือนของคอมแอร์ เครื่องยนต์ และขณะขับขี่ ส่งผลให้ท่อส่วนหัวต่อที่เข้าคอมแอร์ซึมรั่ว
-
สวิทแรงดันน้ำยาแอร์ / สวิทเพรสเชอร์ (Switch Pressure) : ตัวนี้หลายๆ คนมองข้าม อาการของมันเมื่อเสื่อม/รั่ว/เสีย เช่น แอร์เย็นปกติแต่ไม่ตัด, คอมแอร์ไม่ทำงาน(มีน้ำยาแอร์ปกติ) มีแต่ลมเป่าออกมา, คอมแอร์ทำงาน(น้ำยาแอร์ขาด) แอร์ไม่ตัด มีแต่ลม จุดนี้ส่วนใหญ่จะรั่วมาจากบริเวณขั้วเสียบสายไฟ/หางปลา เคยเอากาวหยอด ยิงซิลิโคน เอาไม่อยู่ครับ แรงดันสูงต้องเปลี่ยนตัวใหม่อย่างเดียวเท่านั้น
-
คอยล์ร้อน (แผงรังผึ้งแอร์ด้านหน้า) : สังเกตุได้จากบริเวณแผงรังผึ้งหน้า+หลัง เมื่อผ่านการใช้งานจะมีฝุ่นจับ หากพบลักษณะเหมือนคราบน้ำมันเป็นดวงๆ มุมใดมุมหนึ่ง แสดงว่าแผงรังผึ้งแอร์เริ่มรั่วแล้ว บางเคสยังสามารถใช้งานต่อได้อีก 6-12 เดือนเลยครับ ตัวนี้ไม่แนะนำให้ซ่อมครับ เนื่องจากแรงดันภายในค่อนข้างสูง อาจทำให้รูรั่วเก่า/ใหม่เกิดขึ้น ปัจจุบันมีของไทยทำ ราคาไม่แพง อายุการใช้งาน 2-3 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ระบบระบายความร้อน และพัดลมเป็นสำคัญ ***ใช้ไฟฉายส่อง / ถ่ายภาพจะเห็นได้อย่างชัดเจน***
-
คอยล์เย็น : จะอยู่บริเวณคอนโซนข้างคนขับ ต้องรื้อออกมาอัดลม จุ่มน้ำ หารูรั่ว ตัวนี้ถ้ารั่วน้ำยาแอร์จะออกเร็วมากใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน หรือเร็วกว่านั้น สาเหตุมาจากน้ำ ความชื้น สิ่งสกปรกหมักหมม เกิดตะไคร่น้ำเขียวๆ และอุดตัน น้ำล้นขังที่พรม ส่งผลให้ท่อส่วนต่อต่างๆ ผุ ดังนั้นก่อนจอดรถควรปิดคอมแอร์ เปิดให้มีแต่ลมออกมา เพื่อระบายความชื้นภายใน ยืดอายุคอยล์เย็น
***คอยล์เย็นแบบอลูมิเนียม เย็นเร็ว ไม่ฉ่ำ ผุง่าย อายุการใช้งานสั้น ซ่อมไม่ได้ ราคาแพง ส่วนแบบทองแดง เย็นช้า แต่ฉ่ำ ผุยาก อายุการใช้งานยาวนานเกิน 10 ปี ซ่อมได้ ราคาไม่แรง***อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับในการเติมน้ำยาแอร์ : ชุดเกจ์วัดน้ำยาแอร์ (R22 / R-134a) Imperial USA พร้อมสาย 3 เส้น
น้ำเงิน (Lo : ปล่อยน้ำยาแอร์เข้าระบบ)
เหลือง (ปล่อยน้ำยาแอร์จากถัง)
แดง (Hi : ดูตอนเติมน้ำยาแอร์ไม่ให้เกิน 250 psi) , วาล์วหัวต่อ (Adapter) 2 หัว (Lo & Hi) สำหรับ R22/R-134a , ถังน้ำยาแอร์ ขนาด 4 กก. อย่างหนา (เติมครั้งละ กก.)
ขั้นตอนการเติมน้ำยาแอร์ : 1. ต่อสายชุดเกจ์วัดน้ำยาแอร์ตามภาพ(ท่อเติมน้ำยา/คอมแอร์ & สวิทเพรสเชอร์) เพื่อวัดระดับน้ำยาแอร์ว่าลดลงไหม (เติมล่าสุดเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน) วัดค่าช่วงเช้า ก่อนสตาร์ทเครื่องพบว่า Lo กับ Hi = 92 psi (เท่ากันทั้ง 2 ฝั่ง) หลังจากสตาร์ทเครื่อง เปิดแอร์ Lo = 25 ส่วน Hi = 200 ซึ่งถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ จากนั้นดับเครื่อง ***ต่อเฉพาะสาย Lo+Hi***
2. คลายสายสีน้ำเงิน + สีแดงออกเล็กน้อยเพื่อไล่ลม + ความชื้นออกจากระบบแล้วหมุนปิด ต่อสายสีเหลืองเปิดวาล์วที่ถังเล็กน้อย คลายสายตรงเกจ์วัดเพื่อไล่ลมและความชื้นออกจากระบบเช่นกัน แล้วหมุนปิดเข้าที่ ***บางรุ่นมีตาแมว/ตัวเช็คความชื้น Wet & Dry ที่เกจ์วัดเลย***
3. จากนั้นปิดวาล์วที่ Lo + Hi + ถังน้ำยาแอร์ สตาร์ทเครื่อง เปิดแอร์ + พัดลมให้แรงสุด + เร่งรอบเครื่องที่ 1500
4. เปิดวาล์วถังน้ำยาแอร์ + วาล์วฝั่ง Lo เพียงเล็กน้อย (ประมาณ 40 ปอนด์) ให้น้ำยาแอร์ค่อยๆ เข้าสู่ระบบ มาตรฐานที่ 32 psi (ห้ามเกิน 40 psi) ส่วนฝั่ง Hi
ห้ามเปิดวาล์วโดยเด็ดขาด (เนื่องจากแรงดันสูงมาก หากเปิด มันจะไหลกลับเข้าถัง อาจระเบิดได้) มาตรฐานที่ 250 psi (ห้ามเกิน 300 psi) ระหว่างเติมนั้นให้สังเกตุดูที่ตาแมว(ไดเออร์) ด้วยทุกครั้งต้องไม่มีฟองอากาศ หากมีระบบอาจรั่ว/น้ำยาแอร์ยังไม่เต็ม หลังจากเติมน้ำยาแอร์เต็มระบบตามค่าที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้วให้ปิดวาล์ว Lo + วาล์วที่ถังเติม เป็นอันเสร็จขั้นตอน จะรู้สึกว่าแอร์เย็นเร็วขึ้นทันที ***เกจ์วัดพร้อมสาย 1,500.- + หัวเติม @300x2 + ถัง 600.- + รวมน้ำยาแอร์ 400.-/กก.(ทั้งระบบ) ถ้าไปให้ที่ร้านเติมก็ประมาณ 700.-/ครั้ง***
แนะนำ :- การเติมน้ำยาแอร์ทำได้ 2 แบบ คือ อัดเติมเพิ่มเข้าไปใหม่ กับปล่อยน้ำยาของเก่า (แวคน้ำยาแอร์) ออกโดย ---> ค่อยๆ เปิดวาล์ว Lo & Hi รอเข็มน้ำยาตกเหลือ 0 ---> ต่อสายเหลือง/เส้นกลาง เข้าปั๊มแว็คคั่ม/ปั๊มสุญญากาศ (ดูดอากาศ ความชื้นออก) ---> หมุนวาล์ว Lo & Hi ให้สุด เปิดปั๊มรอ 10-20 นาที เป็นอันเสร็จ ก็เติมน้ำยาแอร์ได้ตามปกติ
- สำหรับอาการเคสนี้ได้เช็คหมดแล้วตามที่ได้สันนิษฐานไว้ แต่ก็ยังไม่พบจุดผิดสังเกตุแต่อย่างใด แต่ 80% คิดไว้ว่าน่าจะเป็นที่สวิทเพรสเชอร์ หรือไม่ก็คอยล์เย็นครับ แล้วจะมารายงานผลแจ้งให้ทราบครั้งต่อไปน่ะครับ
- 22 พ.ย. 57 ขับๆ ไปได้กลิ่นน้ำยาแอร์เข้าในห้องโดยสาร สรุปเป็นที่ตู้ หรือคอยล์เย็นรั่วครับ ตัวใหม่รวมเปลี่ยนอยู่ที่ 7,500.- ***แล้วจะถ่ายตอนเปลี่ยนมาให้ดูต่อไปครับ***
- 25 พ.ย. 57 วันนี้ได้เอารถมาเปลี่ยนคอยล์เย็น / ตู้แอร์ใหม่ ที่เฟืองทองเซอร์วิส งานนี้รื้อเยอะมากครับ ตามภาพด้านล่าง แผงลมเย็นสภาพเน่ามาก รั่ว 2 จุด (สังเกตุคราบน้ำมัน) เปลี่ยนเป็นของใหม่แท้ Denso (TG446600-347040) ส่วนกล่องพัดลมแอร์ให้ช่างปิดช่องลมเข้าจากภายนอกรถ ให้ทำทีเดียวเลยตอนถอดตู้แอร์ หลังจากแว็คเติมน้ำยาแอร์เสร็จ (น้ำยาแอร์เป็น R134a ของ DuPont คุณภาพจะดีกว่าของจีน ราคาแพงกว่า และเย็นฉ่ำกว่า) ช่างคลายน็อตแยกหม้อน้ำกับแผงคอยล์ร้อนเพื่อเป่าลมฝุ่นเยอะสุดๆ ครับ ขนาดเอาน้ำฉีดไล่ฝุ่นมาก่อนหน้านี้ยังเอาไม่อยู่เลย จบงานนี้ใช้เวลาแล้วเสร็จ 5 ชม. ได้ ผลเป็นที่น่าพึงพอใจมากครับ คราวนี้ใช้กันยาวๆ เลย
***ตู้แอร์ Wish Denso + น้ำมันคอม แว็ค เติมน้ำยาแอร์ R134a + ไดเออร์ Denso + ค่าแรง + ประกัน 6 เดือน = net 7,500.-***
ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง :
สรุปน้ำยาแอร์รถยนต์ R12 กับ R134a ที่ควรรู้สั้นๆ มีดังนี้โตโยต้าวิช, Toyota wish, โฉมปี 04-07, รุ่น 2.0 S, รุ่น 2.0 Q Limited, ขั้นตอนวิธีการเติมน้ำยาแอร์, แว็คน้ำยาแอร์, อาการแอร์ไม่เย็น, เทอร์โมสตัส ไดเออร์ คอมแอร์เสีย ไม่ทำงาน, ท่อแอร์ สวิทเพรสเชอร์ คอยล์ร้อน คอนเดนเซอร์ ตู้แอร์ ศรจุกเติมน้ำยาแอร์ คอยล์เย็นรั่ว, แอร์ไม่สู้แดด หน้าคลัชห่างไม่จับ, อะไหล่แอร์รถยนต์ ญี่ปุ่น ยุโรป, คอมเพรสเซอร์ (คอมแอร์), ลูกปืน, มูเล่ย์คอมแอร์, มอเตอร์คอยล์, คอยล์ จานหน้าคลัช, ซีล โอริง ชุดซ่อมคอมแอร์, น้ำมันคอม, ท่อคอมแอร์, สวิทเพรสเชอร์, ไดเออร์, แผงคอยล์ร้อน, ท่อ ข้อต่อทองเหลือง, วาล์วบล็อก, คอยล์เย็น, เทอร์โมสตัส (หางหนู/ธรรมดา/ไฟฟ้า), ถ่านมอเตอร์ รีเลย์ สวิทพัดลม, รีซิสเตอร์ควบคุมสปีดพัดลม, ถังน้ำยาแอร์, หัวเติมสายน้ำยาร่วมแชร์ประสบการณ์ D.I.Y. พบปะ แลกเปลี่ยน พูดคุย ซื้อขาย อะไหล่รถ รถยนต์ ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อได้แล้ววันนี้ที่ roomautoparts.com หรือ บอร์ดอะไหล่รถยนต์.com
