McLaren 600LT สุดจริงคง Concept Supercar ถอด Platform จาก F15 ธ.ค. 61 วันนี้ รูม พามาดู McLaren สัญชาติเมืองผู้ดีจากอังกฤษ
@Motor Expo 2018 เมืองทองฯ 29 พ.ย.-10 ธ.ค. นี้ อีกหนึ่งตัวโหดในรุ่น
Sport Series ก็คือ
McLaren 600LT Limited Edition คันส้มที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ นั่นเอง คันนี้ต้องบอกเลยว่าเป็น Gen-4 ถอด Platform มาจาก
McLaren F1 GTR Longtail Road Car หลายๆ คนน่าจะเริ่มรู้ถึงกิตติศัพท์กันมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็น Gen-1 ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
McLaren 600LT จุดเด่นที่นักเล่นรถตัวจริงจะเน้นย้ำ! เสมอไม่ใช่
"แรงม้า" นะครับ แต่เป็นในเรื่องของ
"น้ำหนัก" คันนี้ "ตัน 2 70" หนักเท่าๆ Jass แต่ 600 แรงม้าถ้าเป็นคุณคุณจะว่ายังไง? แรงม้าต่อน้ำหนักพละกําลังมหาศาลกันเลยทีเดียว ช่วยให้ออกตัวได้เร็วขึ้น+เบรคสั้นขึ้น+เข้าโค้งได้ลึกขึ้น เบากว่าคู่แข่งที่เป็น Light weight กว่า 100 โล ย้ายตัดปลายท่อไอเสียไปอยู่บนฝากระโปรงท้าย(ลดไป 12 โล) ที่ปีกท้ายตรงกลางเคลือบเซรามิกกันไฟจากท่อไอเสีย ลดความหนากระจกทั้งคันลง(ลดไป 3 โล) เก็บคาร์บอนทั้งคัน รวมไปถึงล้อ+เบรค(ลดไปอีกกว่า 80 โล) แต่คุณภาพ+Performance ดีกว่าเดิมเท่าตัว
เดี๋ยวนี้ความเร็วจาก 0-100 กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วครับ เพราะไม่หนีกัน 2.9 วิ ปัจจุบันวัดกัน 0-200 Range ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 10 วิ แต่คันนี้
8.2 วิ ดูไม่ผิดครับ กินแทบเกือบทุกคันที่เป็น Light weight บอกได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งที่น่ากลัวมากๆ ในขณะนี้ ปีกหลัง+วิงประตูคู่หน้าเพิ่ม Down force แรงกดยึดเกาะมาอีก 100 โล ที่พวงมาลัยจะไม่มีปุ่มใดๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไป ต้องคลีนลดการเกี่ยวขณะหมุนเลี้ยว และย้ายมาอยู่ที่หน้าจอทัชสกรีนทั้งหมดแทน ปุ่มใช้น้อยลงแต่ฟังก์ชั่นเยอะขึ้น และที่สำคัญมีซอฟแวร์ภาษาไทยอยู่ในฟังก์ชั่นการใช้งานทั้งหมด ที่ยี่ห้ออื่นไม่มีเพราะต้องใช้งบลงทุนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบยอดขายนับสิบคันต่อปีในไทยเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก
หน้าปัทม์แสดงสถานะจอดได้อีกกี่วันแบตถึงจะหมด+อุณหภูมิยาง ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ F1 รวมถึงใช้ Carbon Monocoque ชิ้นเดียวทั้งคัน 70 โล ไม่มีคัสซี ไม่มีพรม แข็งแรงกว่าอลูมิเนียมถึง 5 เท่า ให้ความปลอดภัยได้สูงสุด ประตูเป็นแบบดูดไม่ต้องออกแรงปิดกระแทกแรงๆ เหมือนแต่ก่อน สุดท้ายที่เก็บของฝากระโปรงหน้ารถสามารถให้แม่บ้านสุดสวยใส่อาหารสดได้โดยที่ภายในไม่เกิดความร้อนอีกต่อไป ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ไฮไลท์สั้นๆ เท่านั้น ส่วนราคาคันนี้ต้องบอกว่าเบาๆ ครับ 24.7 ล้านเอง 555 ผลิตแค่ 6 คันในไทย ขายไปแล้ว 4 เหลือ 2 ไม่น่าจะพ้นงานนี้จบครับ
ปิดท้ายอีกรุ่นที่ป็นข่าวโด่งดัง "กระบะดัน" ไม่มีใครไม่รู้จัก
McLaren 720S Super Series สุดเหมือนกันคันขาว เทียบชั้น Hypercar ได้อย่างสบายๆ จุดเด่นคันนี้ไม่มี Scoop รับลมด้านข้าง สาเหตุมาจากล้อหน้ามีความร้อน ลมที่ผ่านเข้าไปเป็นลมรีไซเคิลไม่ใช่ลมสะอาด จึงไม่สามารถระบายความร้อนจากเครื่องได้อย่างแท้จริง จึงได้นำลมสะอาดจากโหนกฝากระโปรงหน้าบีบเข้าร่องผ่านวิงประตูคู่หน้าไปยังห้องเครื่องแทน มี I Socket หน้ารถแบ่งลมสะอาดกระจายใช้งานไปยังทุกจุดทั่วรถ ประตูเปิดเป็นแบบ F1 ปุ่มกดเป็น Aluminium Casting หน้าปัทม์สามารถพับลงได้ขับขี่ใน Track Mode เพื่อให้การขับขี่ชัดเจนสมจริงยิ่งขึ้น ส่วนในโหมดแข่งรถสามารถปรับปีกเปอร์เซ็นองศาที่ตูดให้ปัดตามที่ตั้งไว้บังคับรถได้ดั่งใจง่ายขึ้นในรอบความเร็วสูงๆ และมี Air Brake ปีกหลังตีขึ้น 90 องศา ช่วยให้หน้าไม่จม หลังไม่ลอย ป้องกันการสะบัดลื่นไถลได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นรถ Supercar ที่นั่งสบายที่สุดใช้งานได้จริงด้วยราคา 27.5 ล้าน แต่ถ้าใครอยากจะหลุดโลกไปเลย หนี้ไม่พ้นกับ
Ultimate Series อย่าง
P1 และ Senna เป็นเทพแห่ง Hypercar ในขณะนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยราคาที่โหดพอๆ กับตัวรถเลยครับ