อาการแบตเตอร์รี่รถยนต์เสื่อม 240 1JZ สรุปดังนี้- ไฟไม่พอ กลางคืนเปิดไฟหน้ารถแล้ววูบขณะแอร์ทำงาน หรือเปิดไฟในระบบพร้อมๆ กันรถจะมีอาการใกล้ๆ ดับ
- สำหรับรถที่ติดเกจ์วัดโวลท์ (Volt Meter) ก่อนสตาร์ทให้สังเกตุระดับไฟต้องไม่ต่ำกว่า 12.5 หลังสตาร์ทจะขึ้นไปที่ 13.5 ++
- สตาร์ทแล้วเอื่อยๆ ไม่มีแรง แต่รถยังสตาร์ทติดอยู่ / สตาร์ทยาก
- รีโมทใช้งานไม่ได้ ไฟไม่ขึ้นทั้งๆ ที่แบตรีโมทปกติ
- สตาร์ทไม่ติด ไฟหน้าปัดรวน, มีเสียงเตือนดังแต็กๆ ใต้โคนโซนฝั่งคนขับ
สาเหตุ :- เช็คตำแหน่งเกียร์ / ไดร์ชาร์จ / ไดร์สตาร์ท
- สายพาน ลูกลอก
- วิ่งใช้ทางไกลประจำ
- ขั้วแบตสกปรก, น้ำกลั่น (Adding Water) แห้ง
- แบตเสื่อม ตัวแร่ธาตุหมดสภาพ ไฟเก็บไม่อยู่
วิธีแก้ไข :- เช็คโดยการเปิดวิทยุ / ไฟฉุกเฉิน / ไฟหน้าว่าติดไหม เพื่อตัดประเด็นอื่นๆ ออกไป
- เช็คตาแมวที่ตัวแบตถ้าเป็นวงแหวนสีเขียว = ไฟเต็ม, สีขาว = ไฟอ่อน/ไม่มีไฟ, สีแดง = เติมน้ำกลั่น/เปลี่ยนแบต
- เช็คไฟแบตมาตรฐานเมื่อผ่านการใช้งานจะต้องไม่ต่ำกว่า 12.5 v (สตาร์ทรถ เปิดระบบไฟทั้งหมด แอร์ ไฟหน้า วิทยุ)
- พ่วงแบต / ชาร์จแบต / เปลี่ยนแบต
หมายเหตุ :- การใช้แบตแอมป์ (Amp) สูงไม่ส่งผลกระทบกับระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ เป็นเพียงการเก็บไฟให้ใช้ได้นานยิ่งขึ้นขณะดับรถ และไม่ควรให้ต่ำกว่าของเดิม
- แบตแบบแห้งหรือน้ำ คุณภาพการใช้งานเหมือนกัน ต่างกันเรื่องของความสะดวก และการดูแลรักษาเท่านั้น
- อายุแบตโดยเฉลี่ยนอยู่ที่ 2-3 ปี
- การหุ้มแบต หรือกั้นห้องช่วยยืดอายุให้เสื่อมช้าลง ประมาณ 10-15%
- การย้ายแบตไปไว้หลังรถ ส่งผลกระทบต่อแบต ไดร์ชาร์จ ไดร์สตาร์ทมีอายุสั้นลง
- แบตเตอร์รี่ของรถมอเตอร์ไซค์ สามารถนำมาเลี้ยงไฟรถยนต์ได้ แต่ไม่สามารถนำมาสตาร์ทได้
- การใช้รีโมทขณะที่แบตเตอร์รี่รถยนต์หมด แล้วไขกุญแจเข้ารถ ไม่ส่งผลกับคลื่นวิทยุระหว่างรีโมทกับตัวรถ เมื่อพ่วงแบต / ชาร์จแบต / เปลี่ยนแบตเรียบร้อยแล้ว สัญญาณกันขโมยจะดัง ให้ปิดประตูรถ กดรีโมทล็อครถ แล้วกดเปิดรถอีกครั้ง ก็จะเข้าสู่โหมดปกติ
- รถที่จอดทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานให้ถอดสายดำ (ขั้วลบ -) ออกเพื่อยืดอายุแบต
- สำหรับรถที่แบตใช้น้ำกลั่น ปัจจุบันจะมีน้ำกลั่นขวดสีชมพู ซึ่งจะมีสารช่วยถนอมแร่ธาตุ ไม่กินน้ำกลั่น ระบบไฟเสถียร อีกทั้งช่วยยืดอายุแบตให้ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง : อาการไฟตก วูบ เปลี่ยนมาหมดแล้วไม่หาย มาดูขั้วแบตจุดเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม